สะบัด “ความเครียด” ตามแบบฉบับเด็ก “หัวกะทิ”
2 posters
หน้า 1 จาก 1
สะบัด “ความเครียด” ตามแบบฉบับเด็ก “หัวกะทิ”
ไปเจอมาเลยอยากเอามาให้เพื่อนๆๆๆอ่านกัน
นับตั้งแต่เด็กนักเรียนชั้นม.5 "ร.ร.มหิดลวิทยานุสรณ์" หอบความเครียด ความกดดัน จนระบายความอัดอั้นด้วยการจุดไฟเผาโรงเรียนของตัวเอง ณ ชั่วโมงนี้สิ่งที่ต้องหยุดคิดกันคือความเครียดที่เกิดขึ้นในตัวเด็กนักเรียน นักศึกษา จะยังเป็นสิ่งที่พวกเขาสามารถจัดการ และควบคุมมันได้อยู่หรือไม่ โดยเฉพาะกลุ่มเด็กเก่งที่ก้มหน้าก้มตาเรียนเพียงอย่างเดียว
ธนาตย์ คุรุธัช
หากพูดถึงเด็กเก่งระดับรางวัล หรือผู้ที่ประสบความสำเร็จด้านการเรียน หลายคนคงไม่ปฏิเสธในความสามารถ แต่ก็ไม่มีใครรู้เลยว่าก่อนที่จะมาถึงตรงนี้ได้นั้นพวกเขาต้องฟันฝ่าความเครียดมามากแค่ไหน แล้วพวกเขาจัดการกับความรู้สึกเช่นนั้นได้อย่างไร...?
** พ่อ-แม่ ยาใจชั้นเลิศ
ในเรื่องนี้ “ม็อด” ธนาตย์ คุรุธัช ชั้น ม.6 ร.ร.เตรียมอุดมศึกษา ดีกรีเหรียญเงินโอลิมปิกคณิตศาสตร์ระหว่างประเทศปี 52 เปิดประสบการณ์ว่า จริงๆ แล้วความเครียดเกิดขึ้นได้กับทุกคน สำหรับตัวเองแล้วหากได้ทำอะไรในสิ่งที่รัก ที่ชอบก็จะไม่เครียด แต่หากฝืนทำ ฝืนเรียนก็จะทำให้เครียดได้ แต่ถึงจะเครียดอย่างไรครอบครัว พ่อและแม่ จะเป็นคนแรกที่นึกถึง
“ในช่วงที่เข้าค่ายคัดตัวไปแข่งโอลิมปิกวิชาการนั้น มีอยู่ช่วงหนึ่งที่รู้สึกว่าตัวเองทำคะแนนได้ไม่ค่อยดี ซึ่งเป็นผลมาจากแรงกดดันส่วนตัว จนคะแนนออกมาน้อยกว่าที่คาดไว้ ตอนนั้นรู้สึกท้อแท้มาก สิ่งที่ทำคือกดโทรศัพท์หาพ่อ และแม่ ซึ่งท่านก็ให้กำลังใจเรา ก็รู้สึกดีขึ้นมากจนสามารถมาถึงตรงนี้ได้” ม็อด ขยายความ
** แข่งขันได้แต่ต้องแข่งกับตัวเอง
ไม่ต่างกับ “การ์ฟิว” ศุภณัฐ คำตื้อ คนเก่งระดับเหรียญเงินโอลิมปิกคณิตศาสตร์ระหว่างประเทศปี 51 - 52 ซึ่งขณะนี้เป็นนักเรียนทุนโอลิมปิกอยู่ระหว่างรอเดินทางไปเรียนต่อยังสหรัฐอเมริกา บอกในเรื่องเดียวกันนี้ว่า ปกติตนเป็นเด็กไม่ค่อยเครียดไม่ว่าจะเรื่องใด หนักไปทางขี้เล่นเลยด้วยซ้ำ แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องเอาจริงเอาจังไม่ว่าจะเรื่องงเรียน หรืองาน ก็จะทุ่มเทให้อย่างเต็มที่
ศุภณัฐ คำตื้อ
การ์ฟิว ยังยอมรับด้วยว่า การแข่งขันเรื่องเรียนนั้นมีแน่นอน แต่ต้องไม่ใช่แข่งขันแบบมีผู้แพ้ ผู้ชนะ อยากให้แข่งขันกับตัวเองมากกว่า อยากให้มองความสามารถของคนที่เหนือกว่าเรา คนที่เก่งกว่าเรา แล้วเอามาเป็นแรงผลักดันให้ตัวเองสามารถก้าวไปสู่จุดนั้นได้ หากคิดได้เช่นนี้ความเครียดที่มาจากการจ้องเอาชนะคนอื่นก็จะไม่มีทางเกิดขึ้น
“ถึงแม้ว่าเราจะเด่นกว่าคนอื่นๆ ตรงที่เรามีรางวัลการันตีความสามารถ มันก็เป็นเพียงแค่ความโดดเด่นในสิ่งที่เราถนัด ซึ่งแต่ละคนจุดเด่นของตัวเองก็แตกต่างกัน ไม่มีประโยชน์เลยที่จะเอาความเก่ง อัจฉริยะของตัวเอง หรือเหรียญรางวัลใดๆ มาเบ่งใส่คนอื่น สิ่งที่ต้องทำคือการช่วยเหลือซึ่งกันและกันตรงนี้จะกว่า” การ์ฟิว ให้ภาพ
** เปลี่ยนความยากเป็นท้าทาย
เช่นเดียวกับ “ปั่นป่วน” รณพีร์ ชัยเชาวรัตน์ นิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ปี 3 ในฐานะศิษย์เก่าร.ร.มหิดลวิทยานุสรณ์ บอกว่า ตนเองเอาชนะความเครียดจากการเรียนด้วย ความคิด และเปลี่ยนมุมมองต่อปัญหาเรื่องเรียนจากความยากให้เป็นความท้าทายและสนุกไปกับมัน
หนุ่มวิศวะรายนี้ยังบอกด้วยว่า พ่อแม่ ครู อาจารย์ มีส่วนทำให้ตัวเด็กเอาชนะความเครียดได้ ทั้งนี้ตนโชคดีที่ตั้งแต่เด็กพ่อแม่เลี้ยงอย่างธรรมชาติ ปล่อยไปตามประสาเด็กผู้ชายแต่จะมี 1 วันในทุกๆ สัปดาห์ที่ต้องเข้าห้องสมุดเพื่ออ่านหนังสือ ซื้อหนังสือ ซึ่งก็แล้วแต่ความสนใจของเรา นี่อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ตนเข้าใจในบริบทการเรียนรู้ ว่าความรู้ไม่ได้วัดกันด้วยผลสอบ
“เพื่อนสอบได้ท็อปแต่เราคะแนนตามหลัง เราก็จะเข้าใจได้ว่าเราเตรียมตัวมาไม่ดีเท่า กลับกันเวลาผมสอบได้ท็อปมันก็ไม่ได้ชี้ชัดว่าเพื่อนไม่เก่งเช่นกัน เพราะสำคัญแล้วมันวัดกันที่การคิดเป็น การต่อยอดความรู้เป็น ซึ่งหากคิดได้เช่นนี้ ความเครียดก็จะไม่เกิดขึ้นเด็ดขาด” หนุ่มรายนี้ ทิ้งท้าย
jbdonut- Posts : 108
Join date : 03/02/2010
Location : Texas,USA
Re: สะบัด “ความเครียด” ตามแบบฉบับเด็ก “หัวกะทิ”
Thank u มากๆ โดนัท
I-Meen- Posts : 5
Join date : 07/06/2010
Age : 30
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|